อิตาลี: คู่ค้ากลยุทธ์ในกระบวนการเปลี่ยนผ่านพลังงานของอาเซียน
- 8 กันยายน 2025
- Posted by: Narissra Ramangkool
- Category: News

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภาคพลังงาน ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) และแผนพัฒนาพลังงานทางเลือก (AEDP) ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายให้พลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของพลังงานทั้งหมดภายในปี 2580 ตามที่หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์คาดการณ์ว่าพลังงานหมุนเวียนจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 20% ในปัจจุบัน เป็น 51% ของสัดส่วนพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2580 ขณะที่ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติจะยังคงมีสัดส่วนประมาณ 48% ซึ่งตอกย้ำถึงความจำเป็นอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงให้ทันสมัยและนำเสนอโซลูชันเทคโนโลยีสะอาด
เพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ ประเทศไทยได้ประกาศการลงทุนครั้งใหญ่ ได้แก่ การพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะมูลค่า 4 แสนล้านบาท และการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้ามูลค่า 1 แสนล้านบาท ภายในทศวรรษหน้า การลงทุนเหล่านี้จะช่วยเสริมกลยุทธ์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงระบบกักเก็บพลังงาน พลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ และการดักจับคาร์บอน
สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้กำลังผลักดันให้ธุรกิจไทยมองหาพันธมิตรและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมจากต่างประเทศ อิตาลีซึ่งมีตลาดพลังงานที่เติบโตเต็มที่และขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ ยกตัวอย่างเช่น Terna ผู้ให้บริการโครงข่ายไฟฟ้าของอิตาลี ได้ให้คำมั่นที่จะลงทุน 1.65 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2571 เพื่อพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้เป็นดิจิทัลและปรับปรุงให้ทันสมัย
บริษัทอิตาลียังเป็นผู้บุกเบิกด้านพลังงานสะอาด โดย Italgas และ Edison จะเปิดตัวโครงการนำร่องในปี 2568 เพื่อจัดหาไฮโดรเจนอนุรักษ์สิ่งเเวดล้อมผสมในระบบพลังงานให้กับโรงงานอุตสาหกรรมสูงสุด 20% ขณะเดียวกัน GreenIT ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนชั้นนำด้านพลังงานหมุนเวียน กำลังขยายพอร์ตโฟลิโอพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยโครงการ PV ใหม่ 140 เมกะวัตต์ภายในปี 2570 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางของอิตาลีสู่กำลังการผลิตติดตั้ง 1,000 เมกะวัตต์ ตามรายงานของ EuropaWire
ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าความเชี่ยวชาญของอิตาลีในด้านพลังงานหมุนเวียน ประสิทธิภาพพลังงาน โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และเทคโนโลยีพลังงานสะอาดแบบดั้งเดิม สามารถมอบความรู้ความเชี่ยวชาญที่ทันสมัยให้แก่นักลงทุนชาวไทย และเป็นประตูสู่ตลาดพลังงานยุโรปได้
ก้าวสู่อนาคตพลังงานไทย ด้วยนวัตกรรมจากอิตาลี
อิตาลีเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงพลังงานของยุโรป นำเสนอประสบการณ์และนวัตกรรมอันล้ำค่าที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านพลังงานของไทยอย่างลงตัว ความก้าวหน้าของอิตาลีจะช่วยเติมเต็มความทะเยอทะยานของไทยได้อย่างไร:
- ความเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน
- อิตาลีได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าต่อพลังงานหมุนเวียน โดยมีความก้าวหน้าอย่างมากในด้านพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม:
- พลังงานแสงอาทิตย์: ในปี พ.ศ. 2567 อิตาลีได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ 6.8 กิกะวัตต์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนหน้า การเติบโตนี้ส่วนใหญ่มาจากโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ซึ่งเติบโตถึง 163% ในช่วงเวลาเดียวกัน
- พลังงานลม: อิตาลียังคงขยายกำลังการผลิตพลังงานลมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการผสมผสานพลังงานหมุนเวียนที่หลากหลาย
- ความก้าวหน้าด้านการจัดเก็บพลังงาน
- การกักเก็บพลังงานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนเข้ากับโครงข่ายไฟฟ้า อิตาลีกำลังก้าวหน้าอย่างมากในด้านนี้:
- การกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่: ในช่วงปลายปี 2567 อิตาลีได้ติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ประมาณ 5.1 กิกะวัตต์ และมีแผนจะเพิ่มเป็น 10.5 กิกะวัตต์ภายในปี 2573
- เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม: บริษัทอย่าง Energy Dome กำลังบุกเบิกโซลูชันการกักเก็บพลังงานระยะยาวที่ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งได้รับความสนใจจากนานาชาติ รวมถึงการร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Google
- โครงสร้างพื้นฐานสมาร์ทกริด
- การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรองรับสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น อิตาลีกำลังลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยีโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ:
- การปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย: ธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งยุโรป (European Investment Bank) ได้จัดสรรงบประมาณ 120 ล้านยูโรเพื่อสนับสนุนความพยายามในการปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าของอิตาลี โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการบูรณาการแหล่งพลังงานหมุนเวียน
- โครงการริเริ่มด้านดิจิทัล: Terna ผู้ดำเนินการระบบส่งไฟฟ้าของอิตาลี วางแผนที่จะลงทุนกว่า 2.3 หมื่นล้านยูโรภายในปี 2577 เพื่อยกระดับและเปลี่ยนโครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติให้เป็นดิจิทัล เพื่อให้มั่นใจว่าจะตอบสนองความต้องการด้านพลังงานในอนาคต
- เทคโนโลยีพลังงานสะอาดแบบเดิม
- อิตาลียังมุ่งเน้นการลดการปล่อยมลพิษจากแหล่งพลังงานแบบดั้งเดิม:
- การดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS): อิตาลีกำลังลงทุนในเทคโนโลยี CCS เพื่อลดการปล่อยมลพิษจากโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการลดคาร์บอนของนานาชาติ
- การปรับปรุงโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ: มีการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อปรับปรุงโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติให้ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
Italian Innovators at Enlit Asia 2025

สัปดาห์นี้ Enlit Asia 2025 จะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ณ ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน
เวทีชั้นนำของภูมิภาคสำหรับภาคพลังงาน งานนี้รวบรวมผู้เข้าชมงานกว่า 12,000 คน และผู้จัดแสดงสินค้า 350 ราย ครอบคลุมพลังงานทั่วไป พลังงานหมุนเวียน โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และเทคโนโลยีเกิดใหม่ บริษัทอิตาลีหลายแห่ง รวมถึงบริษัทของเรา จะนำเสนอโซลูชันต่างๆ ให้แก่นักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ได้แก่:
- โอกาสพิเศษในการสำรวจความร่วมมือ
- ดูเทคโนโลยีที่ใช้งานจริง
- หารือเกี่ยวกับการลงทุน
คว้าโอกาสในช่วงเวลาสำคัญ
การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจlow-carbonของประเทศไทยกำลังก้าวหน้าไปอย่างมาก โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาครัฐ ความต้องการที่เพิ่มขึ้น และการลงทุนที่มั่นคง สำหรับธุรกิจไทยที่สนใจลงทุนกับบริษัทอิตาลี การมีบุคคลที่เชื่อถือได้และมีความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรับมือกับความท้าทายด้านกฎระเบียบและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
Enlit Asia 2025 มอบแพลตฟอร์มไว้เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนและสนทนากับผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของอิตาลี และรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอนาคตของพลังงานทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากที่ปรึกษาที่เชื่อถือได้และเข้าใจตลาดทั้งสองแห่ง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบในภาคพลังงาน โปรดติดต่อ ALLEGAL