อิตาลีไม่เพียงแต่เป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านไวน์และแฟชั่นชั้นดีเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ตั้งของหนึ่งในภาคส่วนเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ที่ก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลกอีกด้วย สำหรับธุรกิจระหว่างประเทศที่ต้องการเข้าสู่ตลาดยุโรป อิตาลีถือเป็นประเทศที่ผสมผสานนวัตกรรมทางวิศวกรรม แรงจูงใจที่สนับสนุนภาคธุรกิจ และการเติบโตของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการลงทุนและความร่วมมือระดับสากล

อิตาลีถือเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ใหญ่เป็นอันดับสองของยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเครื่องจักร แฟชั่น ชิ้นส่วนยานยนต์ และเภสัชกรรม การส่งออกอาหารที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก เช่น ไวน์ ชีส พาสต้า และน้ำมันมะกอก ยังคงผลักดันความต้องการอย่างมากในระดับนานาชาติ ความต้องการนี้ควบคู่ไปกับความสนใจที่เพิ่มขึ้นในอาหารออร์แกนิก อาหารเพื่อสุขภาพ และไขมันต่ำ ทำให้ประเทศนี้มีความต้องการโซลูชันบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงเพิ่มมากขึ้น

แนวโน้มตลาดขาขึ้น: การเติบโตที่คาดการณ์ไว้และผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม

ตลาดบรรจุภัณฑ์ของอิตาลีมีแนวโน้มขยายตัวอย่างมาก ตามข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) คาดว่าภาคส่วนนี้จะเติบโตจาก 3.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 เป็น 4.04 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 ซึ่งขับเคลื่อนโดยอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 3.28% การเติบโตนี้ขับเคลื่อนโดยความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น มาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น และรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ความต้องการบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหาร เครื่องสำอาง ยา และอื่นๆ ขยายตัว

ด้วยหน้าที่หลักในการปกป้องผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์จึงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในเศรษฐกิจภายในประเทศของอิตาลี การเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มมากขึ้นไปสู่การใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาและยั่งยืน เช่น พลาสติกที่มีคุณสมบัติกั้นที่แข็งแกร่ง เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของอิตาลีในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

ศูนย์กลางนวัตกรรม: ผู้นำแห่งอนาคตของเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์

ภาคส่วนเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ของอิตาลีมีมูลค่าการซื้อขาย 9,229 ล้านยูโรในปี 2023 โดยการส่งออกคิดเป็นเกือบ 79% ของรายได้ทั้งหมด ภูมิภาคเอมีเลีย-โรมัญญา ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “Packaging Valley” หรือ “หุบเขาของโรงงานบรรจุภัณฑ์” ยังคงเป็นผู้นำในภาคส่วนนี้ โดยเป็นที่ตั้งของผู้ผลิตระดับโลก เช่น IMA และ Marchesini Group

บริษัทเหล่านี้กำลังผสานรวมเทคโนโลยีอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์เข้าในระบบของตน เพื่อตอบสนองความต้องการบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขายเร็ว (FMCG) และเภสัชกรรม

ตามข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) ภาคส่วนการแปรรูปอาหารของอิตาลีกำลังอยู่ในภาวะควบรวมกิจการ โดยบริษัทขนาดเล็กควบรวมกิจการเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน การเปลี่ยนแปลงนี้ ประกอบกับตลาดส่งออกที่แข็งแกร่งและความนิยมที่คงอยู่ของสินค้า “Made in Italy” ทำให้ความต้องการส่วนผสมอาหารเพิ่มขึ้นอย่างมาก และวัสดุบรรจุภัณฑ์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ผู้บริโภคชาวอิตาลีแสดงให้เห็นถึงความต้องการตัวเลือกที่ใส่ใจสุขภาพ เช่น อาหารมังสวิรัติ อาหารเจ อาหารตามหลักโภชนาการ และผลิตภัณฑ์ที่ “ปราศจากส่วนผสมของวัตถุดิบ…” อย่างมาก นอกจากนี้ยังมีความสนใจเพิ่มขึ้นในซูเปอร์ฟู้ดและอาหารนานาชาติ ส่งผลให้มีความต้องการรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ เช่น ถุง ขวด ​​โถ และถุงแบบเปิดปิดซ้ำได้มากขึ้น

ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม: ดีไซน์น้ำหนักเบา เรียบง่าย และล้ำสมัย

กระแสบรรจุภัณฑ์ของอิตาลีในปัจจุบันมีความสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยหันมาใช้บรรจุภัณฑ์แบบมินิมอลและน้ำหนักเบา โดยเฉพาะพลาสติก เช่น โพลีเอทิลีน (PE) โพลีโพรพิลีน (PP) และโพลีเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) วัสดุเหล่านี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากความแข็งแรง คุณสมบัติการกั้น และความสามารถในการรีไซเคิล

ผู้ผลิตหลัก เช่น Tetra Pak International SA นำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความต้องการบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบยืดหยุ่นและแข็งของอิตาลีกำลังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคส่วนต่างๆ เช่น การจัดส่งอาหาร ผลิตภัณฑ์ความงาม และการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล

ทำเลยุทธศาสตร์ผสานการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของอิตาลีที่ตั้งอยู่ในใจกลางยุโรปทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 400 ล้านคนและมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งผ่านท่าเรือ ทางรถไฟ และทางหลวง ในขณะที่อีคอมเมิร์ซเฟื่องฟู โดยเฉพาะในด้านอาหารและเครื่องดื่ม ความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อถือได้และปรับเปลี่ยนได้ก็เพิ่มขึ้น ทำให้อิตาลีเป็นฐานการผลิตที่มีคุณค่าสำหรับธุรกิจที่สนใจเข้าถึงตลาดสหภาพยุโรปที่กว้างขึ้น

ขับเคลื่อนการเติบโตด้วยนโยบายส่งเสริมการลงทุน

การเติบโตของภาคส่วนบรรจุภัณฑ์นั้นสอดคล้องกับความต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและของแท้ของอุตสาหกรรมอาหารอิตาลีที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่มีคุณภาพและปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังต้องรักษาสมดุลระหว่างความยั่งยืนและความเป็นไปได้อีกด้วย ดังนั้น อิตาลีจึงมอบผลประโยชน์ทางการเงินมากมายให้กับธุรกิจต่างชาติ:

• โครงการ Patent Box: ลดหย่อนภาษีจากรายได้ที่ได้รับจากทรัพย์สินทางปัญญาได้สูงสุดถึง 50%
• เครดิตภาษีการวิจัยและพัฒนา R&D: อนุญาตให้หักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 20% จากต้นทุนการวิจัยและพัฒนาที่เข้าเงื่อนไข
• การลดหย่อนภาษีของอิตาลีตอนใต้: เสนอการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลระหว่าง 10% ถึง 30% ในภูมิภาคต่างๆ เช่น ซิซิลีและคัมปาเนีย
• เขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ): จัดเตรียมกระบวนการบริหารที่คล่องตัวและสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมในภูมิภาคสำคัญ

แนวโน้มความต้องการบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เพิ่มสูงขึ้น

ตามรายงานของ Plastics Europe อิตาลีผลิตพลาสติก 3,672 กิโลตันในปี 2022 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,785 กิโลตันในปี 2023 การเพิ่มขึ้นของการผลิตนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเติบโตของภาคส่วนบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้บริโภคต้องการบรรจุภัณฑ์ที่ทนทาน ยั่งยืน และปรับแต่งได้

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของประเทศซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอีคอมเมิร์ซทำให้มีความต้องการบรรจุภัณฑ์เฉพาะทางที่รับประกันความสดใหม่และปกป้องคุณภาพตลอดการจัดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น ในทำนองเดียวกัน อุตสาหกรรมยาของอิตาลีที่กำลังขยายตัว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในการวิจัยและพัฒนา ทำให้มีความต้องการโซลูชันบรรจุภัณฑ์พลาสติกขั้นสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและย่อยสลายได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น

อนาคตของบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน

อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ของอิตาลีเป็นมากกว่าแค่อุสาหกรรมด้านการผลิต แต่เป็นแพลตฟอร์มเชิงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจระดับโลก ด้วยตลาดในประเทศที่เติบโต โครงสร้างพื้นฐานด้านการส่งออกที่แข็งแกร่ง และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีและความยั่งยืน อิตาลีจึงเป็นประตูสู่การขยายธุรกิจในยุโรปสำหรับบริษัทไทยและบริษัทต่างชาติ ตลาดบรรจุภัณฑ์ของอิตาลีเต็มไปด้วยโอกาส แต่การนำทางไปสู่ความสำเร็จนั้นต้องใช้ข้อมูลเชิงลึกทางกฎหมายเชิงกลยุทธ์เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะเข้าสู่ตลาดที่กำลังมาเเรงแห่งนี้ได้อย่างราบรื่น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสอบถามเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจในอิตาลี โปรดติดต่อ ALLEGAL